วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

just for me

เมื่อมองคนที่เดินอยู่ในวังวนสะท้อนภาพลางลางราวกระจก
ภาพคนเดินอยู่ข้างหน้ากับด้านหลัง แผ่รังสีบางอย่างที่ฉันหรือว่าใครไม่อาจเดินเอื้อมมือเข้าไปแตะถึง
การปิดตัวเองเพื่ออยู่กับความรู้สึก ดูดซับสิ่งเหล่านี้เข้ามาราวกับว่าเป็นของตัวเอง จมแล้วกลืนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ให้ออกไปไหน
...
...
...
ที่ผ่านมา
เธอเรียนรู้แล้วไม่ใช่หรือสิ่งที่เรียกว่าความรัก
เธอรู้จักแล้วไม่ใช่หรือวิธีที่จะดูแลตัวเอง
เธอลืมวิธีที่จะสัมผัสตัวเองอย่างอ่อนโยนแล้วหรืออย่างไร
ฉันได้เพียงแต่ถามตัวเธอ ตัวเองและใครใครที่ผ่านมา

ฉันไม่ได้รักสิ่งใดมากกว่าที่จะรักตัวเอง แต่ฉันรู้สึกสั่นเสมอตามอากาศรอบข้างที่แผ่เข้ามา ฉันจึงอยากให้รับรู้ว่า
เมื่อใดก็ตามที่เธอเลือกที่จะตกลงไปในบ่อน้ำที่ขุดด้วยตัวเอง ฉันไม่ขอให้เธอขึ้นมาจนกว่าจะพอใจ แต่อย่าลืมวิธ๊การที่จะขึ้นมาเท่านั้นล่ะที่ฉันอยากจะบอกเธฮ

"ในห้วงเวลาที่ฉันสิ้นหวังที่สุดนั้น ฉันมักจะค้นพบสิ่งที่สวยงามอย่างน่าประหลาดใจที่สุดเสมอ" A Garden in My Heart
ขอให้เธอพบเช่นกัน

^^
ดูแลอย่างอ่อนโยน

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551

...

หายไปนาน หายไปกลับการเดินทางเข้าเข้าออกออก
กลับมาเจอกัลยาณมิตรมีเพื่อนคอยเตือนสติ

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเี่ราใช้ชีวิตไปสู่ความรื่นเริง ความวุ่นวาย การเดินทางไปต่างจังหวัด การเรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตของบุคคลที่เข้าศึกษาในเวลาอันรวดเร็ว

"10 วันที่กาญจนบุรี"
ครอบครัวพ่อชวลิต สมคิด เสียงตามสายเวลายามฟ้าสาง แม่เรียกกินข้าว ไก่เคล้ากลิ่นกาแฟ คณะเดินทางมาอบรม พี่จำปีเดินร้อยโล อ๋อมแอ๋ม อุุ๋๋มอิ๋ม โอ๋บนจักรยาน ผ่านไปไว กลายเป็นความทรงจำ ภาพน้ำตาบรรยากาศของการจากลา ...ระยะห่างของความการแสดงออก

การสอบ เรียงความ ผ่านพ้นไปกับคะแนนที่ออกมา...พอตัว

ณ เวลานี้สิ่งที่ต้องรู้ต่อ คือหมกมุ่นกับความรู้สึกตัว ช่างต่างกันไกลยามเราต้องเดินทาง

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ใต้ชายคา

ช่วงเวลายามค่ำคืนกับบรรยากาศใต้ชายคาพักของที่นี่
ลมหนาวเย็น เหงา พวงด้วยไอฝน
กลิ่นหอมของพิมเสน ยาหอม และโอวันติน
ทำใจเราเหวง อยากปล่อยอารมณ์และนอนอยู่ตรงนี้ต่อไปนานนาน
เสียงลมพัด ยินเสียงยอดไม้สีกัน
ชั่วขณะความรู้สึกแปล๊บแปล๊บก็ขึ้นมาที่นิ้วมือ
ตาที่ไม่อยากจะลืม ชีวิตที่อยากจำ
ล่องลอยไปสู่เบื้องหน้าของเรา
เงากระจกที่สะท้อนภาพคนส่อง
การย้อนกลับนั่งมองในความมืด
ภาพสว่างบางฉากบางเรืองราว
คงวิ่งวุ่นวกวนตรงกลางใจ
บางเหตุการณ์บางการกระทำบางความรูสึก
ส่งผ่านไม่ส่งผ่าน ขอเข้าไปได้ไหม เข้าไปอยู่ในฉากเบื้องหน้าตรงนั้น

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ค่อยๆ เดินไปตามท่วงทำนอง

เมื่อความบังเอิญบังเกิดขึ้น พร้อมความต้องการภายในที่เราเก็บงำ
สิ่งที่ต้องเจอ เป็นบรรยากาศภายในอบอวลไปด้วยความกังวลใจ

เหตุใดจึงไม่ใช่ความสุขเหล่า?
เหตุใดจึงไม่คล้อยตามไปกับเสียงเพลง

แล้วเหตุการณ์วันนี้ก็ผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกที่ผ่านเลย
การเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงภายในที่ไม่อาจสังเกตได้ทันท่วงที

ขอให้รู้ว่าอดีตยังไม่คลี่คลาย ปัจจุบันจึงไม่อาจได้เริ่มต้น ด้วยความสดใหม่เท่าที่คววรจะเป็น
เรื่องราวที่ผ่านหู ผ่านมาแล้วปล่อยให้ผ่านไป ....หากว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา

พยาบยามต่อไป ^^

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ปล่อย

"เวลาเย็นแสงสีส้มลาลับจากฟ้ากว้าง
แสงจางจางสีเทาเททาเมฆหม่นหม่น
ลมโชยพัดเสียงโพธิ์ร้องระงึม
อากาศครึ้มสายฝนอยากทักทาย
เจ้าร่างกายนอนราบกับพื้นกว้าง
ดินชุ่มฉ่ำความชื้นเจ้าคอยอยู่
อีกสายตาเปิดกว้างทอดมองดู
ออกไปสู่ยอดหญ้าใบไม้ปลิว"
ยามเย็น ณ ลานโพธิ์ หน้า ส.บอ.

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

บทเรียนแรก

กลับมามอง ลองนำของที่เรียนรู้มาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการไปที่ว่าการอำเภอ คนที่นี่เยอะมาก หาที่จอดรถไม่ได้เท่านั้นไม่พอ ไปติดต่อรับบัตรคิวให้แม่ แล้วเจอเจ้าหน้าที่มองว่า เราเป็นเด็ก ไม่บริการซะงั้น

ไม่รู้สึกตัวอะไร นอกจากอารมณ์ที่พุ่งขึ้น หงุดหงิดมาก เดินออกมาพร้อมกับบ่นมาตลอดทาง ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก มาบอกว่าคิวเต็มไม่รับทำไม่ได้นะ แล้วอย่างนี้คนที่ไม่ว่าง ต้องลางานทำไง เขาไม่เสียเวลาหรอ แทบจะเดินหาใบประเมินและไม่อยากไปสถานที่ราชการอีก แม่เลยเดินขึ้นไปใหม่ แล้วเป็นอันว่าได้ซะงั้น อะไรก็ไม่รู้ เซ็ง

เป็นอันว่า หงืด

บทเรียนที่หนึ่ง ล้มไม่เป็นท่า เมื่อกลับมาสู่ชีวิตจริง (แต่เราก็ยังดีใจที่ได้เห็นมัน)
บรรยากาศความทะมึนทึมทึม ยังคงอยู่ ไม่มีที่มา หายไปเมื่อหายไป และกลับมาอีกครั้ง

อยู่ระหว่าง...ทาง