วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรื่อยเปื่อยหน้าคอม

นั่งแกล๋วอยู่หน้าอินเทอร์เนต เข้าออกเวบไซต์ facebook และอีเมล
ว่างมากเลย โดนคอมพิวเตอร์ดึงเวลาไปจากการทำกิจวัตรเดิม ไม่ได้อ่านหนังสือ ฟังเพลงมาสักพักแล้ว...

เข้าออกบล็อก งัดเรื่องเก่าๆ ที่พิมพ์ไว้มาอ่าน บางอันก็ไม่เข้าใจ


ตะกอนน้ำใส
ข้อมูลที่เข้ามาในหัวสมองเรื่อยๆ เหตุการณ์ที่เข้ามาในความรู้สึกไม่ยั้ง กับเวลาที่กระตุ้นหมุนเวียนเปลี่ยนเรื่องราวของตัวเอง
บางอย่างข้างในใจไม่เปลี่ยน
ความอึดอัดไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ
บทสนทนาการพูดคุยที่ไม่มีทางจบสิ้น ในโลกธรรมดา ผู้คนที่เราไม่อาจพบเจอ
การ พูดคุยเป็นเรื่องผิวเผินมากเพียงแค่ ตอนนี้เป็นอย่างไร สบายดีไหม ทำงานที่ไหน อยู่กับใคร ประโยคสั้นๆ ไม่อาจถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้นได้ ทั้งที่อยากจะพูดใจจะขาดแต่ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ถุูกกับบุคคล แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร (19 พ.ย. 52)

กวนน้ำในขุ่นและอยู่ในความขุ่นเคืองนั้น เมื่อน้ำสงบหารู้ไหมว่าก็ยังไม่ปัญหาที่น้ำเป็นตะกอนอยู่
ปัญหาเราไม่ต่างจากน้ำที่มีตะกอน และไม่เคยใช้ผ้าใสกรองตะกอนนั้นออก


ยังรักเหมือนเดิม
หลายเดือนมานี้ เราไม่ค่อยได้หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาสักเท่าไร เรื่องราวผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว และไม่ทันได้ตั้งหลักรับมือกับมรสุมชีวิตลูกนี้เลย ไม่เขียน ไม่จด เพราะกลัวว่าจะไม่ดี (30 ก.ย. 52)

ความรู้สึกล้นๆ เกินๆ เป็นช่วงๆ
ในวันนี้เราได้เห็นโลกในมุมที่ต่างไปจากเดิม เราได้พบว่าหลายคนเหลือเกินที่เราล่วงเกินเขา ทำลายความหวังดีต่างๆ ที่ให้...(7 เม.ย. 52)

เขียนไม่จบ เหตุอะไรที่ทำให้หยุดนะ

^^

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ระหว่างทาง

ภาพเมืองอุทัยธานีจากบนเขา

สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเดินทางไปอุทัยธานี จังหวัดที่เราอยากไปตั้งแต่สมัยมัธยม พี่แว่นพาไปเจอคนกลุ่มหนึ่ง มีชื่อกลุ่มว่า กลุ่มกิจกรรมธรรมชาติ (Thai nature Game) พักอยู่ในเมืองบ้านพี่โรจน์ พาๆไปเที่ยวมองแสงสีของเมืองจากทิวเขาด้านบน เดินตลาดเช้า ชมวิถีชีวิตริมน้ำสะแกกรังระหว่างที่พักที่บ้านมีโปสเตอร์หนึ่ง สะดุุดตา ข้อความสะดุุดใจมาก เขียนไว้ว่า

ภาพโปสเตอร์จากบ้านพี่โรจน์ www.thainaturegame.com

" ท่านต้องสอนให้ลูกหลานของท่านรู้ว่า แผ่นดินที่เขาเหยียบอยู่
คือเถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เพื่อเขาจะได้เคารพแผ่นดินนี้ บอกลูกหลานของท่านด้วยว่า โลกนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิต อันเป็นญาติพี่น้องของพวกเรา สั่งสอนลูกหลานของท่าน เช่นเดียวกับที่เราสอนลูกหลานของเราเสมอมาว่า โลกนี้คือแม่ของเรา ความวิบัติใดๆที่เกิดขึ้นกับโลกก็จะเกิดขึ้นกับเราด้วย หากมนุษย์ถมน้ำลายรดแผ่นดิน ก็เท่ากับมนุษย์ถ่มน้ำลายรดตนเอง เรารู้ดีว่าโลกนี้ไม่ได้เป็นของมนุษย์ แต่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับสายเลือดที่ความผูกพันในครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนผูกพันต่อกัน ความวิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้าง เส้นใยแห่งมวลชีวิต แต่มนุษย์เป็นเพียงเส้นใยเส้นหนึ่งเท่านั้น หากเขาทำลายสายใยเหล่านี้ เขาก็ทำลายตัวเอง "
Bonds between man and earth : สุนทรพจน์ของหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงในมลรัฐ วอชิงตัน กล่าวเมื่อ ค.ศ.1854 เป็นการตอบข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้ขอซื้อดินแดงจากเผ่าอินเดียนแดง
แปลโดย พิสิษฐ์ ณ พัทลุง

กลับมาถึงบ้านอ่านมติชนสุดสัปดาห์หน้าแรกที่เปิดเจอ คือ กวีกระวาด (วรพจน์ พันธุ์พงศ์)

ภาพที่พักป่าไผ่ ณ สถาบันปัญญาปีติ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่


แผ่นดินแม่
อิ่มข้าว เดินดูดาวหน้าบ้าน ย่ิอยอาหารตรวจทานวิธีคิด
พูด ทำ ดี ชั่ว ถูก ผิด ชีวิตทุกข์สุขกับสิ่งใด
จากคอนโดฯ มาเหยียบยืนบนพื้นดิน สูดกลิ่นดินหญ้าป่าไผ่
ปรุงกับหุงข้าวด้วยเตาไฟ สบู่ยาสระผมใช้ของทำมือ
เคยมีคู่มาอยู่แบบโดดเดี่ยว ขับเคี่ยวกับงานเขียนหนังสือ
ทีละเล็กทีละน้อยค่อยฝึกปรือ ยึดถือจดจำธรรมชาติ
ทำงานกลางวัน นอนตอนกลางคืน หกโมงตื่นพร้อมแสงตะวันสาด
เหล้ายาบาร์ผับเคยพลั้งพลาด เลิกทาสให้ใจเป็นไท-พุทธ
ปีหนึ่งกลับบ้านเดือนหนึ่ง เรียนรู้ความลึกซึ้งบรรพบุรุษ
ชำระล้างใจกายชำรุด ด้วยยุทธศาสตร์ปราชญ์ชาวบ้าน

อ่านแล้วทั้งบ้งเอิญและดีใจ นึกถึงการไปบ้านพี่โจน คอร์สจิตวิญญาณแห่งผืนดิน การติดตามค่ายของโครงการสุขแท้ฯ การไปห้วยขาแข้ง การใช้ชีวิตแบบต่างๆ ผู้คนที่พบเจอหลากหลาย รอยยิ้มน้ำใจของคนระหว่างทาง

ภาพดอกปีบหน้าห้องประชุม รร.อีมาดอีทราย อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

เฝ้ามองให้ดอกไม้ ดอกปีบร่วงหล่น ดวงกมลว้าเหว่และใจหาย
เมื่อดอกปีบที่ร่วงหล่นแสนเดียวดาย ต้องอยู่ไกลจากกิ่งต้นแม่มัน
ขาวเขียวอยู่สลับบนพรมหญ้า ขาวเขียวประทับพร่ายอดต้องแสง
ขาวเขียวต่างส่งกลิ่นไปทั่วแดน ขาวเขียวนั่นแสดงเอกลักษณ์ตน
เปรียบกับคนต่างบ้านมาเยือนถิ่น ความอยากรู้ไหลไปสู่สิ่งใหม่
ในขณะชั่ววูบที่ออกไป ใจยังใฝ่หวนกลับคืนสู่สิ่งเดิม

ภาพดอกพุดหน้าบ้าน