วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552

ผู้เสียสละ

ที่บอร์ดห้องทำงานพวกเรา มีเพื่อนคนหนึ่งเอามาแป๊ะไว้

"ผมขอบคุณที่พวกคุณเข้ามาเป็นอาสาสมัครเป็นอาสาสมัครขั้นบัณฑิต งานอาสาสมัครเป็นงานที่ทำด้วยใจ ไม่มีใครบังคับไม่มีใครขอร้อง ทำด้วยความเต็มใจ ทำด้วยความเสียสละ
ความเสียสละ ไม่ได้หมายถึงการบริจาคแบ่งปันเท่านั้น การรู้จักอดทน อดลั้นต่อความไม่พึงพอใจ ต่อสิ่งที่ไม่สมประสงค์ เป็นความเสียสละที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่พวกเราควรฝึกให้เกิดขึ้น
การที่คุณเข้ามาเป็นอาสาสมัคร คุณต้องละสิ่งซึ่งคุ้นเคยไปสู่ความแปลกใหม่ คุณทำได้ คุณคือผู้เสียสละแล้ว และถ้าหากคุณสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ นั่นคือสิ่งที่ปรารถนาของผมที่ตั้งโครงการนี้ขึ้นมา"
ป๋วย อึ้งภากรณ์

แล้วสิ่งเหล่านี้ หากไม่ผ่านเจ็ดเดือนคงไม่สัมผัสอย่างเข้าใจ

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

บทความทบทวน

หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ พวกเราบัณฑิตอาสาสมัครเริ่มงานชิ้นใหม่ บทบาทเก่า ด้วยการเขียนสารนิพนธ์ งานที่มากมายจนนึกคิดว่าเป็นภาระ วุ่นวายกับงานไม่พอต้องมานั่งวุ่นวายใจเขียนไม่ได้ ไม่พอใจอีก คล้ายคนแอบประสาทเล็กๆ ทำก็ไม่ได้ เครียด ครั่ง กลุ้มแล้วอ่อนแอ(ซ่อนข้างใน) เราเลยไม่แตะงานชิ้นมาเกือบอาทิตย์กว่า แต่แล้วเช้าวันหนึ่งที่ ส.บอ. มีเพื่อนหมอกออกไปนั่งทำงานที่สวนต้นหิน (ต้นไม้และโต๊ะม้าหิน) เราที่ไม่อยากอะไรสักอย่าง หอบตัวไปด้วย
การอยู่ในที่ที่เปิดโล่ง ทำให้จิตใจเราเบาสบายขึ้นมาก ขอบคุณเพื่อนหมอกที่ช่วยขับไล่หมอกที่ครอบคลุมอยู่ภายในให้หายไปสนิทเป็นปลิดทิ้ง เรายังคงชอบธรรมชาติ

เสียงนกร้องส่งเสียง ดำเนินชีวิตตามหน้าที่ของมัน
มนุษย์ก็คงต้องใช้ชีวิต ดำเนินไปตามหน้าที่ของเราเช่นกัน
ความสวยงามยังมีอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้
นกร้อง แมลงบิน มดน้อย
ใบไม้ร่วง ต้นไม้เขียว ผลพวง รากเลื้อย
แสงแดด ไออุ่น ลมพัด
เงาสะท้อนระลอกคลื่นผิวน้ำ
สิ่งเหล่านี้แล้วเราก็เริ่มทำงานได้อีกครั้งอย่างเบาสบาย

การได้อ่านหนังสือช่วงหลังมานี้ การศึกษาทางเลือก งานวิจัยต่างๆ เราได้สร้างการเรียนรู้ใหม่ๆ จากผู้ผ่านทางก่อนมากมาย ทำให้เรานึกถึง 2 ข้อความที่เราเขียนขึ้นมาในเวลาที่ห่างกัน แต่ราวกับเป็นบทตอบของสิ่งที่เจอ

"สายน้ำหยดหล่นซ่ากระเซ็น จิตใจป่วนกระเด็นหวั่นไหว
ความคิดความฝันเริ่มจากไป หรือย้ำไว้ในจิตคิดทบทวน
ที่จากมายังอยู่ ณ เบ้องหลัง ที่กำลังจากไปไม่อาจหวน
เพราะบางอย่างบอกไว้ให้ทิ้งทวน ใจปั่นป่วนมิอาจบอกถึงสิ่งใด
บ้างย่างก้าวเดินอย่างมุ่งมั่น บ้างยั้งหยุดอยู่เพื่อสังเกต
ทอดสายตามองไปราวย้อนเทป เครื่องบอกเหตุความเก่าที่พร่าเลือน"
ณ ทุ่งป่าสัก วันที่ 8 มีนาคม บ่ายแก่ๆ

"คนใหญ่วัยล่วงที่อยู่หน้า กับความกล้าแกร่งในทุกแห่งหน
ผ่านช่วงวัยความรู้เปลี่ยนผ่านตน ความสับสนแน่วนิ่งกับจุดยืน
กระแสธรรมรากเหง้าของชนผู้ การกินอยู่วิถีที่อาศัย
เปิดพื้นที่คนใหม่ให้ก้าวไกล ความฝันใฝ่มุมมองที่อยากเดิน"
ณ อาศรมวงศ์สนิท วันที่ 26 มีนาคม


ปล. แอบคิดว่าอาศรมวงศ์สนิท = อาศรม+วง+สนิท (วงสนทนาในสถานที่หนึ่งที่ทำให้ผู้แลกเปลี่ยนสนิทกัน) รึเปล่า 555+

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

การศึกษาเพื่อการพัฒนา(ตนเองด้วย)

ตอนนี้โลกเป็นอย่างไรกัน ท่านทั้งหลายช่วยบอกที

"ข้าพเจ้าเข้าใจ(ความไม่พอใจของคนหนุ่มสาวต่อ)โลกที่เราได้สร้างขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าเราจะสามารถทำให้โลกดีขึ้นโดยการถอนตัวเราออกมา ข้าพเจ้าเข้าใจข้อโต้แย้งของพวกท่านข้อที่ว่า ถ้าท่านเข้าไปมีส่วนร่วม ท่านก็เพียงยืดเวลาการดำรงอยู่ของมันออกไปเท่านั้น ข้าพเจ้าเข้าใจในข้อโต้แย้งของพวกท่านที่ว่า ถ้าท่านเข้าไปมีส่วนร่วม มันก็จะทำให้ท่านฉ้อฉลเช่นเดียวกับมันที่ได้ทำกับเรามาแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ข้อโต้แย้งที่ดี หรือข้อโต้แย้งที่กล้าหาญเลย ทางเดียวที่เราจะทนทานต่อการปฏิบัติอันไร้ความเป็นมนุษย์ที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์หรือที่มนุษย์กระทำต่อสิ่งแวดล้อมของเขาเองได้ ก็คือ ท่านจะต้องกระทำเป็นตัวอย่างให้เห็น โดยชีวิตของท่านต่อมนุษย์ผู้อื่นจะเป็นไปด้วยความเป็นมนุษย์ และให้ความเคารพต่อสถานที่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ เป็นการยากที่จะกระทำเช่นนั้นได้ ในขณะที่การกระทำต่อเพื่อนมนุษย์ผู้อื่นและโลกอย่างไม่รับผิดชอบ ย่อมเป็นการง่ายตลอดเวลา..."อดัม เคิล

"โลกภายนอกคือสภาพจิตทั้งหมดของเราที่แสดงให้ปรากฎ หากสภาพภายในของเราถูกฉีกกระชากและแตกสลายด้วยอำนาจของความทะเยอทะยานมากมายแล้ว โลกรอบตัวเราก็ย่อมเป็นเช่นนั้น เมื่อภายในของเราวุ่นวายสับสน โลกภายนอกก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นเดียวกัน เพราะไม่มีสันติสุขภายในจิตใจ โลกจึงกลายเป็นสนามสงคราม เราเป็นอย่างไรโลกก็เป็นอย่างนั้น"

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

ค่ายฟุลไบรท์

กลับมาอีกครั้ง จากไปเนิ่นนาน ช่วงเวลาแห่งการเดินทาง

เพิ่งไปหัวหินกับค่ายฟุลไบรท์ 2 ครั้งนี้มีชื่อว่า ฟุลไบรท์สู้โลกร้อน
เด็กๆ ที่เราไปเจอเมื่อปีที่แล้วปีนี้น้องคนเก่าก็มาเป็นบางส่วน
กิจกรรมฐานต่างๆ ดูสนุกสนานขึ้น

ความสดใสของเด็กที่มอบให้เราไม่อาจตอบแทนได้ นอกจากเขียนโปสการ์ดใบน้อยๆ ให้

สำหรับน้องฟ้า
"จงเป็นดั่งท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ อ่อนละไมละมุนด้วยเมฆนุ่ม
อยากให้เธอเป็นคนดีที่ชุมนุม เปรียบที่สุ่มแรงไฟใฝ่ศรัทธา"


สำหรับน้องพลอย
"เกิดเป็นพลอยระยับรับกับแสง ที่แสดงคุณค่าในทุกที่
เมื่อผู้คนพบเจอต่างยินดี มีราศีสง่ากว่าอื่นใด"

หลายคนยังถามพี่คนก่อน หลายคนเริ่มสนิทกันมากขึ้น

ขอบคุณรอยยิ้มน้อยน้อยของเด็กน้อย