วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

บทความทบทวน

หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ พวกเราบัณฑิตอาสาสมัครเริ่มงานชิ้นใหม่ บทบาทเก่า ด้วยการเขียนสารนิพนธ์ งานที่มากมายจนนึกคิดว่าเป็นภาระ วุ่นวายกับงานไม่พอต้องมานั่งวุ่นวายใจเขียนไม่ได้ ไม่พอใจอีก คล้ายคนแอบประสาทเล็กๆ ทำก็ไม่ได้ เครียด ครั่ง กลุ้มแล้วอ่อนแอ(ซ่อนข้างใน) เราเลยไม่แตะงานชิ้นมาเกือบอาทิตย์กว่า แต่แล้วเช้าวันหนึ่งที่ ส.บอ. มีเพื่อนหมอกออกไปนั่งทำงานที่สวนต้นหิน (ต้นไม้และโต๊ะม้าหิน) เราที่ไม่อยากอะไรสักอย่าง หอบตัวไปด้วย
การอยู่ในที่ที่เปิดโล่ง ทำให้จิตใจเราเบาสบายขึ้นมาก ขอบคุณเพื่อนหมอกที่ช่วยขับไล่หมอกที่ครอบคลุมอยู่ภายในให้หายไปสนิทเป็นปลิดทิ้ง เรายังคงชอบธรรมชาติ

เสียงนกร้องส่งเสียง ดำเนินชีวิตตามหน้าที่ของมัน
มนุษย์ก็คงต้องใช้ชีวิต ดำเนินไปตามหน้าที่ของเราเช่นกัน
ความสวยงามยังมีอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้
นกร้อง แมลงบิน มดน้อย
ใบไม้ร่วง ต้นไม้เขียว ผลพวง รากเลื้อย
แสงแดด ไออุ่น ลมพัด
เงาสะท้อนระลอกคลื่นผิวน้ำ
สิ่งเหล่านี้แล้วเราก็เริ่มทำงานได้อีกครั้งอย่างเบาสบาย

การได้อ่านหนังสือช่วงหลังมานี้ การศึกษาทางเลือก งานวิจัยต่างๆ เราได้สร้างการเรียนรู้ใหม่ๆ จากผู้ผ่านทางก่อนมากมาย ทำให้เรานึกถึง 2 ข้อความที่เราเขียนขึ้นมาในเวลาที่ห่างกัน แต่ราวกับเป็นบทตอบของสิ่งที่เจอ

"สายน้ำหยดหล่นซ่ากระเซ็น จิตใจป่วนกระเด็นหวั่นไหว
ความคิดความฝันเริ่มจากไป หรือย้ำไว้ในจิตคิดทบทวน
ที่จากมายังอยู่ ณ เบ้องหลัง ที่กำลังจากไปไม่อาจหวน
เพราะบางอย่างบอกไว้ให้ทิ้งทวน ใจปั่นป่วนมิอาจบอกถึงสิ่งใด
บ้างย่างก้าวเดินอย่างมุ่งมั่น บ้างยั้งหยุดอยู่เพื่อสังเกต
ทอดสายตามองไปราวย้อนเทป เครื่องบอกเหตุความเก่าที่พร่าเลือน"
ณ ทุ่งป่าสัก วันที่ 8 มีนาคม บ่ายแก่ๆ

"คนใหญ่วัยล่วงที่อยู่หน้า กับความกล้าแกร่งในทุกแห่งหน
ผ่านช่วงวัยความรู้เปลี่ยนผ่านตน ความสับสนแน่วนิ่งกับจุดยืน
กระแสธรรมรากเหง้าของชนผู้ การกินอยู่วิถีที่อาศัย
เปิดพื้นที่คนใหม่ให้ก้าวไกล ความฝันใฝ่มุมมองที่อยากเดิน"
ณ อาศรมวงศ์สนิท วันที่ 26 มีนาคม


ปล. แอบคิดว่าอาศรมวงศ์สนิท = อาศรม+วง+สนิท (วงสนทนาในสถานที่หนึ่งที่ทำให้ผู้แลกเปลี่ยนสนิทกัน) รึเปล่า 555+

ไม่มีความคิดเห็น: